คำถามโลกแตกกับ ทองคำ หรือบิทคอย เพราะคนที่เชียร์ก็มีมุมมองที่ต่างกันสุดขั้วเลยล่ะครับ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่า “ทำไมคนที่เชียร์อย่างหนึ่งต้องไปว่าคนที่เชียร์อีกอย่างหนึ่งด้วย” เรียกว่า งง สุดๆเลยครับ
แต่คำถามก็ยังต้องการคำตอบอยู่ดีครับ : ซึ่งคำตอบของคำถามนี้คือ อยู่ที่ความเชื่อ และความสบายใจครับ ว่าเราซื้อทรัพย์สินไหนแล้วนอนหลับ กินข้าวอร่อย และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขครับ
ซึ่งสำหรับใครที่ยังเลือกไม่ถูกลองอ่านข้อดีและข้อเสียของแต่ละทรัพย์สินที่เราจะนำเสนอในด้านล่างนี้ก่อนก็ได้ครับ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแน่นอนครับ
1. ทองคำ: ความมั่นคงและการป้องกันเงินเฟ้อ
ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่มีประวัติยาวนานเกือบ 5,000 ปีในการใช้เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนและเก็บมูลค่า สินทรัพย์นี้ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลกในฐานะ “ที่หลบภัย” (Safe Haven) ที่เชื่อถือได้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ หรือเมื่อเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น
ข้อดีของการลงทุนในทองคำ:
- ความมั่นคง: ทองคำมีความเสถียรและไม่ผันผวนมากเหมือนสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น หรือแม้แต่คริปโตเคอเรนซี การลงทุนในทองคำจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง และต้องการสินทรัพย์ที่สามารถคงมูลค่าได้ในระยะยาว
แต่ในปัจจุบันต้องบอกว่า ถ้าเล่นแบบฟิวเจอร์ ทองคำมีความผันผวนสุดๆครับ เพราะขึ้นมาสูงมากๆ และกลับกันคริปโตก็มีความผันผวนที่น้อยลง เพราะมีรัฐบาล และกองทุนเข้ามาถือในสัดส่วนที่มากขึ้นครับ
ข้อนี้ในด้านของความมั่นคง อาจจะมองได้ว่า ถ้า AI เก่งขึ้นยังไงก็ไม่มีทางขนทองจากบ้านที่วางอยู่ในตู้เซฟไปได้แน่นอนครับ นอกจากโจรจะปล้นไป ซึ่งแตกต่างจากบิทคอยที่สามารถแฮกได้ครับ - ป้องกันเงินเฟ้อ: ทองคำมักจะเพิ่มมูลค่าในช่วงที่มีภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากมีอุปทานจำกัด และไม่สามารถสร้างเพิ่มได้ตามความต้องการในตลาดเหมือนเงิน fiat
- ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีการยอมรับจากสถาบันทางการเงินและรัฐบาลทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกกำหนดมูลค่าหรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
ยกเว้นว่าจะมีการทิ้งทองคำไปเลยเหมือนกับแพทตินั่ม แล้วไปใช้ทรัพย์สินใหม่กันทั่วโลกความมีประวัติที่ยาวนานก็อาจจะจบลงได้ทุกเมื่อครับ
ข้อเสียของการลงทุนในทองคำ:
- ผลตอบแทนต่ำ: เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น หุ้นหรือบิทคอยน์ ทองคำมักจะมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าในระยะยาว หรือเรียกง่ายๆว่า ถ้าหวังกำไรเยอะ ทองคำไม่ค่อยเหมาะครับ
- ไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผล: ทองคำไม่สร้างรายได้หรือผลประโยชน์จากการถือครอง เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถให้ค่าเช่า หรือหุ้นที่มีเงินปันผล ทองคำจะเน้นที่ราคาเท่านั้นครับ
2. บิทคอยน์: การลงทุนในอนาคตของเงินดิจิทัล
บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เปิดตัวในปี 2009 โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะสินทรัพย์ที่มีลักษณะการกระจายอำนาจและไม่พึ่งพาธนาคารกลางหรือหน่วยงานใดๆ ในการควบคุม มูลค่าของบิทคอยน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้มันเป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสูงในระยะสั้นหรือกลาง
ข้อดีของการลงทุนในบิทคอยน์:
- ผลตอบแทนสูง: บิทคอยน์ได้สร้างผลตอบแทนที่สูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในบางปีมูลค่าของมันเติบโตขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง
- การเติบโตของเทคโนโลยี: บิทคอยน์และบล็อกเชน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตและได้รับการยอมรับในหลายภาคส่วน เช่น การเงิน การธนาคาร และแม้แต่ในภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้
รวมถึงปัจจุบันทางรัฐบาลยังมีส่วนในการถือครองเยอะอีกด้วย - การกระจายอำนาจ (Decentralization): บิทคอยน์ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ซึ่งทำให้นักลงทุนบางคนมองว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถหลีกเลี่ยงการควบคุมจากภาครัฐ แต่ถ้ามองจากความเป็นจริง ในปัจจุบันทางรัฐบาลล้วนมีบิทคอยกันทั้งนั้น
ในส่วนของการกระจายอำนาจเมื่อรัฐบาลมีส่วนถือครองเยอะ ก็ยิ่งทำให้อำนาจของบิทคอยเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จนสามารถเรียกว่า “แทบจะมั่นคงพอๆกับทองคำ” ได้เลย
ข้อเสียของการลงทุนในบิทคอยน์:
- ความผันผวนสูง: ราคาของบิทคอยน์มีความผันผวนสูงมาก บางครั้งสามารถขึ้นลงได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูงสำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถทนต่อความผันผวนได้
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: แม้ว่าบิทคอยน์จะมีความปลอดภัยในเชิงเทคนิคจากการเข้ารหัส แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือการสูญหายของรหัสที่สำคัญ รวมถึง AI ที่เก่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย mattis, pulvinar dapibus leo.
ตัวเลือกที่ดีในการเก็บระยะยาว
สามารถเก็บได้ทั้ง 2 อย่างครับ ดีพอๆกัน ไม่จำเป็นต้องเถียงกันว่าอันไหนดีกว่า เพราะมันดีพอๆกัน ถ้าเราสามารถซื้อได้ในราคาที่ต่ำก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ
ส่วนใครที่มองว่า AI อาจจะเก่งขึ้นและถอดรหัสบิทคอยได้ง่ายขึ้น ก็อาจจะเก็บทองคำมากกว่า
ส่วนสำหรับใครที่มองว่าราคาทองคำอาจจะตกในอนาคต เพราะมีทรัพย์สินอย่างบิทคอย หรืออื่นๆเข้ามาแทนที่ได้ ก็อาจจเก็บบิทคอยเยอะกว่าครับ
แต่ใดๆแล้วถ้าเราสามารถซื้อในราคาที่ต่ำได้ ทรัพย์สินทั้ง 2 อย่างก็คือว่า ไม่ตกยุคแน่นอนครับ เพราะมันมีจำกัด และน้อยลงในทุกๆวันครับ
สามารถเลือกได้ตามต้องการเลยครับ ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่ในการลงทุนไม่แนะนำการซื้อๆขายๆสำหรับทั้งสองอย่างนะครับ ถึงจะมีคนเทรดเยอะ แต่ถ้าเป็นมือใหม่ก็จะไม่แนะนำเลยครับ เพราะเงินสามารถได้มาได้ และเสียไปได้
เอาเงินไปเล่นบาคาร่า ยังง่ายกว่าการเทรดซื้อๆขายๆครับ และถ้าไปเล่นบาคาร่าก็ต้องเลือกเว็บถูกกฎหมายด้วยนะครับ อย่างเว็บ GLOBALLOTTO ที่มีใบอนุญาต เป็นเว็บใหญ่ เปิดมานานได้มาตรฐานระดับโลก มีระบบ KYC ครับ